- บาท - (-%)

NPS โกยกำไรครึ่งปี 2568 สูงกว่าปีก่อนกว่าเท่าตัว และภาษีทรัมป์ 19% ไม่กระทบลูกค้าอุตสาหกรรม

15 กันยายน 2568

บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS รายงานผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 8,305 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 717 ล้านบาท สูงกว่าระยะเดียวกันของปี 2567 ถึงร้อยละ 101.6 ซึ่งเป็นผลมาจาก

  1. ความต้องการใช้ไฟฟ้าจากลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นมากจนสามารถทดแทนส่วนที่ขายให้ กฟผ. ตามสัญญา PPA ที่หมดอายุ ในราคาค่าไฟฟ้าที่สูงกว่าราคาที่ขายให้ กฟผ.
  2. การวางแผนการเดินการหยุดโรงไฟฟ้าเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขการจ่ายไฟให้ กฟผ. ตามสัญญา PPA ทำให้โรงไฟฟ้าทุกโรงเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพพร้อมกับลดปัญหาจากการหยุดเดินเครื่องนอกแผนได้มากขึ้น
  3. โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มที่ ช่วยให้บริษัทฯ ลดการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล และขณะเดียวกันก็สามารถบริหารการผลิต การจัดหา และการควบคุมความชื้นของเชื้อเพลิงชีวมวลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับการใช้รถ EV ของบริษัทฯ ในการขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวล ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงโดยรวมลงประมาณ 30%
(ล้านบาท) ม.ค. - มิ.ย. 68 ม.ค. - มิ.ย. 67 เปลี่ยนแปลง
รายได้รวม 8,305 8,410 -1.3%
EBITDA 2,211 1,701 +30.0%
กำไรสุทธิ 717 356 +101.6%

นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร NPS กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสามารถในการผลิตพลังงานสะอาดจากเชื้อเพลิงชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์ แบบผสมผสานและต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ได้สูงสุดถึง 543 MW ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างประเทศที่ต้องการควบคุม Carbon Footprint ในการผลิตสินค้าตัดสินใจเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในสวนอุตสาหกรรม 304 ที่มี NPS เป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานและสาธารณูปโภคพื้นฐานครบวงจรเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ มีลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่และลูกค้าเดิมที่ขยายกำลังการผลิตรวม 30 ราย ใช้เงินลงทุนก่อสร้างโรงงานประมาณ 75,000 ล้านบาท และจะทยอยใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้จนถึงปี 2573 จะใช้เพิ่มขึ้นประมาณ 300 MW และน้ำอุตสาหกรรมประมาณ 54,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ส่วนการพัฒนาธุรกิจ Green Logistics ยังคงก้าวหน้าตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งรวมถึงแผนงานนำรถบรรทุก EV 215 คัน มาใช้งานแทนรถที่ใช้ภายในกลุ่มบริษัท แทนรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์สับเปลี่ยนแบตเตอรี่(Charging and Swapping station) 2 ชุด ใกล้กับโรงไฟฟ้า Floating Solar Farm ของบริษัทฯ ที่ จ.ปราจีนบุรี และติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า(Charging Stations)อีก 9 สถานี ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคกลางที่สำคัญทั้งหมด และแผนงานขยายธุรกิจให้ครอบคลุมการให้บริการขนส่งทางน้ำและการขนถ่ายสินค้ากลางทะเล ทั้งนี้ความสำเร็จของธุรกิจ Green Logistics เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนค่าขนส่งเชื้อเพลิงของบริษัทฯ และยังมีส่วนช่วยในการตัดสินใจของลูกค้าอุตสาหกรรมที่เลือกลงทุนในสวนอุตสาหกรรม 304 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ขยายขอบข่ายธุรกิจ Green Logistics เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าโดยใช้รถบรรทุก EV ที่มีต้นทุนถูกกว่าให้ลูกค้าและมี Carbon Footprint ต่ำกว่ารถขนส่งที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

ท้ายสุด นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ รายงานถึงผลการประเมินสถานะทางการเงิน แผนธุรกิจ และความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทฯ โดย TRIS Rating ในระหว่างเดือนสิงหาคมที่ผ่านมายืนยันว่า ความน่าเชื่อถือบริษัทฯ ยังคงอยู่ที่ระดับ BBB+ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”